วันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วันแม่



       ลูกคือแก้วตาดวงใจของแม่  วันแม่มีแค่ปีละครั้ง แต่สำหรับแม่ทุกๆวันเป็นวันของลูก ผู้ที่คอยเป็นห่วงลูก ดูแลลูก อยู่เคียงข้างลูกเสมอ ไม่มีวันไหนที่แม่จะไม่ห่วงลูกเลย แต่ลูกมักจะมองข้ามแม่ ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับแม่ อยูกับตัวเอง ไม่สนใจคนรอบข้างเลย เอาแต่ให้ความสำคัญกับโลกออนไลน์ เอาความรู้สึกตัวเองเป็นที่ตั้ง มันก็จริงว่าเราอยู่ในช่วงวัยรุ่น อยากมีโลกส่วนตัวของตัวเองบ้าง อยากเล่น แต่เราเล่นจนลืมไปว่ายังมีคนคนหนึ่งที่เฝ้ารอเรา เป็นห่วงเรา แต่เรากลับสนุกซะงั้น เรามองข้ามความรู้สึกของแม่ไป เราเคยคิดบ้างรึเปล่าว่าทำไมแม่ต้องจุุกจิก โน่น นี่ นั่น คอยพร่ำสอนเรา ก็เพราะว่าแม่รักเรา อยากให้เราดี  ไม่มีแม่คนไหนที่ไม่รักลูกหรอก เราเองต่างหากที่อคติ คิดว่าแม่บ่นนั่น บ่นนี่ น่ารำคาน ทั้งที่จริงแล้วแม่คอยชี้ทางให้กับลูก คอยให้กำลังใจ ยามที่ลูกอ่อนล้า ไม่ให้ลูกเดินในทางที่ผิด แต่ทำไมลูกไม่คิดสักนิด แล้วใครกันที่คอยนั่งอยุ่ข้างๆยามที่เราทำงานไม่เสร็จ ยามที่เรามีปัญหา คนแรกที่เราจะนึกถึงก็คือแม่ แม้ในยามที่ลูกหลงผิด ไม่ว่าจะดีร้ายยังไง แม่ก็พร้อมให้อภัยให้กับลูกเสมอ แต่ลูกเคยคิดที่จะทำอะไรเพื่อแม่บ้าง เคยคิดบ้างหรือเปล่าว่าแม่จะอยู่กับเราได้นานแค่ไหน แม่ก็อายุมากขึ้นทุกวัน เราดูแลแม่เต็มที่หรือยัง แม้ในยามที่เราทำให้แม่เสียใจ แม่ไม่คิดโกรธลูกเลย เพราะความรัก ความห่วงใยที่แม่มีให้ลูกมันมีมากมาย อยากให้ลูกๆทุกคนรักแม่ให้มากๆ บุญคุณของแม่ทดแทนกันเท่าไรก็ไม่หมดหรอก ไม่มีความรักไหนที่ยิ่งใหญ่ และอบอุ่นเท่ากับความรักที่แม่มีต่อลูก รักแม่น่ะค่ะ

วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

   ผลการเลือกตั้งมาเลเซีย นาจิบ ราซัค สาบานตนรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซียต่อสมเด็จพระราชาธิบดี ขณะที่พรรคฝ่ายค้าน ทำหนังสือประท้วง ผลการเลือกตั้งมาเลเซีย 2013  

          เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้เดินทางไปเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านตวนกู อับดุล ฮาลิม มูอัซซอม ชาห์ ณ พระบรมมหาราชวัง ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อทำพิธีสาบานตนและถวายสัตย์ปฏิญาณ รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 อย่างเป็นทางการแล้ว

         ขณะที่ พรรคปากาตัน รัคยัต หรือ พรรคแนวร่วมฝ่ายค้าน 3 พรรค ที่นำโดย พรรคความยุติธรรมปวงชน (พีเคอาร์) ของนายอันวาร์ อิบราฮิม ซึ่งได้ ส.ส. 89 ที่นั่ง จาก 222 ที่นั่ง ยังคงยืนกรานไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง และเตรียมยื่นหนังสือร้องเรียน ตลอดจนจะจัดการชุมนุมประท้วงต่อเนื่องเป็นเวลา 2 วัน เพื่อคัดค้านผลการเลือกตั้งด้วยสำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ว่า แม้พรรคร่วมรัฐบาลมาเลเซียภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค จะเป็นฝ่ายชนะในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 5 พ.ค. คงอำนาจต่อเนื่องเป็นปีที่ 56 แต่นายอันวาร์ อิบราฮิม หัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้าน ประกาศยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ โดยเชื่อว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นผลการนับคะแนนเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ระบุว่า พรรคร่วมรัฐบาล “แนวร่วมแห่งชาติ” 13 พรรค ที่นำโดยพรรคองค์การสหมาเลย์แห่งชาติ ( อัมโน ) ของนาจิบ สามารถคว้าที่นั่งในรัฐสภาได้ถึง 133 ที่นั่ง จาก 222 ที่นั่ง ขณะที่พรรคแนวร่วม “ปากาตัน รัคยัต” หรือพรรคแนวร่วมฝ่ายค้าน 3 พรรค นำโดยพรรคความยุติธรรมปวงชน ( พีเคอาร์ ) ของอันวาร์ ได้ไป 89 ที่นั่ง โดยมีผู้มาใช้สิทธิ์ลงคะแนนมากถึง 10 ล้านคน จากทั้งหมด 13 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 80 ซึ่งสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ทว่านาจิบถือเป็นนายกรัฐมนตรีมาเลเซียคนแรกในประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ประเทศได้รับเอกราชจากอังกฤษ เมื่อปี 2500 ที่ได้รับคะแนนนิยมประชาชนน้อยกว่าผู้สมัครจากพรรคแนวร่วมฝ่ายค้าน คือ 5.22 ต่อ 5.48 ล้านคะแนน อย่างไรก็ตาม ผู้นำมาเลเซียวัย 59 ปี ประกาศชัยชนะและขอให้ทุกฝ่ายยอมรับผลการเลือกตั้งที่ออกมา ที่เป็นการตัดสินใจโดยบริสุทธิ์ของประชาชน เพื่อความปรองดองและสมานฉันท์ในอนาคตขณะที่อันวาร์ วัย 65 ปี ปฏิเสธยอมรับความพ่ายแพ้ พร้อมกับประณามการเลือกตั้งครั้งนี้ ว่าเต็มไปด้วยการทุจริต ดังนั้น ผลคะแนนที่ออกมาจึงไม่มีความโปร่งใส่พอ แม้ปากาตัน รัคยัต จะได้ที่นั่งเพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 5 ปีก่อนถึง 14 ที่นั่งก็ตาม แต่ก็ต้องสูญเสียที่นั่ง 1 ใน 4 รัฐที่เคยแย่งชิงมาจากฝ่ายรัฐบาล กลับคืนไปให้นาจิบในการเลือกตั้งครั้งนี้ ทั้งนี้ มาเลเซียแบ่งการปกครองออกเป็น 13 รัฐด้านนายเจมส์ ชิน ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา ในสิงคโปร์ แสดงทรรศนะเกี่ยวกับการเลือกตั้งของมาเลเซียครั้งนี้ว่า เป็นการต่อสู้กันอย่างสูสีที่สุด เนื่องจากนอกเหนือจากแรงกดดันภายนอกแล้ว ทั้งนาจิบและอันวาร์ต่างต้องเผชิญแรงเสียดทานภายในพรรคไม่แพ้กัน โดยนาจิบต้องการแย่งชิงที่นั่งที่เสียไปเมื่อปี 2551 กลับคืนมาให้ได้มากที่สุด เพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นจากสมาชิกพรรค ซึ่งแม้จะทำไม่ได้ แต่อย่างน้อยพรรครัฐบาลก็ยังคงครองเสียงข้างมากอันวาร์จึงดูเหมือนเป็นฝ่ายตกที่นั่งลำบากมากกว่า และอาจถึงขั้นต้องอำลาเส้นทางการเมือง หลังประกาศชัดก่อนหน้านี้ว่า จะลาออกจากการเป็นหัวหน้าของปากาตัน รัคยัต หากเป็นฝ่ายพ่ายแพ้การเลือกตั้ง